“แก้จมูกครั้งนี้ ครั้งที่ 4 แล้วค่ะ” ไหว้มาทุกวัด บนมาแล้วทุกที่ ครั้งนี้ขอเป็นครั้งสุดท้าย !!
รีวิวโดย คุณนุก สาวิตรี ราชภักดี (คนไข้ศัลยกรรมแก้ไขจมูกด้วยเทคนิคที่คิดค้นโดย อาจารย์ศัลยแพทย์ วีรวัฒน์ ติรนันท์มงคล)
สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ชื่อนุกค่ะ เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการแก้ไขจมูก 555+ เรียกว่าขำไปด้วย ร้องไห้ไปด้วยนะคะ Y_Y เพราะกว่าจะได้จมูกปัจจุบัน ต้องเสียใจ เสียเวลา และเงินไปไม่รู้เท่าไหร่ ! รีวิวนี้ นุกตั้งใจแชร์ประสบการณ์ – ข้อมูล การทำศัลยกรรมจมูกมาทั้งหมด 4 ครั้ง สำหรับคนที่กำลังสนใจ, หาข้อมูล โดยเฉพาะคนที่มีปัญหา หรือความซับซ้อนที่เรียกว่า “เป็นเคสยาก” ตัวนุกเองหาข้อมูลเยอะมากค่ะ
นอกจากนั้นก็จะแชร์ผลลัพธ์และความรู้สึกจากการแก้ไขจมูกครั้งล่าสุด “ด้วยมือศัลยแพทย์ไทย” ที่ รัสมิ์ภูมิ สกิน คลินิก แผนกศัลยกรรม โดยอาจารย์ศัลยแพทย์ วีรวัฒน์ ติรนันท์มงคล รวมถึงอยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนที่กำลังคิดจะทำศัลยกรรมจมูก เพื่อจะได้สวยแบบปลอดภัย และมีความเสี่ยงต่อการผิดพลาดน้อยที่สุดค่ะ และแน่นอนว่าเรามีรูป ตั้งแต่ก่อน – หลังแก้ไขถึง 3 เดือนค่ะ
มีปัญหาอะไรบ้าง ? และทำไมจึงตัดสินใจศัลยกรรมแก้ไขจมูก
ให้ภาพเล่าเรื่องได้มั้ยแม่ 555+ (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
1.จุดแรก มีปัญหาเรื่องกระดูกหน้า 2 ข้างไม่เท่ากันชัดเจน
ตอนเด็กๆ ยังเห็นไม่ค่อยชัด แต่พออายุเยอะขึ้น ผิวหนัง(หน้า)บางลง เลยเห็นได้ชัดค่ะว่าจมูกดูคด โดยเฉพาะถ้าสังเกตหน้าด้านซ้ายกับขวา จะเห็นได้ชัดเลยว่าสันจมูกไม่เท่ากันค่ะ
2.จุดที่ 2 มีฮัมพ์ หรือกระดูกที่เป็นเนินขึ้นมาตรงกลางสันดั้ง
ข้อดีคือทำให้ดูเหมือนมีดั้งค่ะ 55 ปัญหาข้อนี้ไม่ค่อยมีผลต่อจิตใจดิชั้นเท่าไหร่ค่ะ แต่อาจจะเป็นความลำบากใจของคุณหมอนะคะ อิอิ
3.จุดที่ 3 มีความคดของกระดูกบริเวณจมูก
คดถึงขั้นที่ว่าเวลาเป็นหวัดหรือภูมิแพ้ แล้วจมูกข้างในบวม จมูกข้างที่กระดูกเบียดเข้าไป (ของนุกเบียดมาด้านซ้ายค่ะ) ก็จะถูกบล็อกจนหายใจไม่ออกเลยค่ะ ส่วนในแง่ความสวยงามถ้ามองจากภายนอก เราไม่ได้มีสันจมูกที่สูงเหมือนฝรั่ง เลยทำให้เห็นเรื่องความเบี้ยวไม่ค่อยชัดมากนักค่ะ
4.จุดที่ 4 เนื้อเยื่อและความพังต่างๆ
ก่อนจะแก้จมูกครั้งนี้ เราทำมาแล้วถึง 3 ครั้ง และเคยเกิดปัญหาติดเชื้อจนต้องเอาซิลิโคนออก นอกจากนั้นยังมีการฉีดสารเติมเต็มเพิ่มเข้าไปด้วยค่ะ
พูดถึงเรื่องกระดูกคด เอาจริงๆ คือ ครั้งแรกที่ทำจมูก นุกไม่ได้ซีเรียสเรื่องปัญหาการหายใจเลยค่ะ แค่อยากสวยมากกว่า แหะๆ
การทำงานของเราค่อนข้างต้องใช้บุคลิก เรื่องหน้าตาก็เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตได้เยอะมากค่ะ ถ้าจะพูดเรื่องมุมมองความงาม ตอนวัยรุ่นกับตอนนี้ ต่างกันมากเลยค่ะ ตอนวัยรุ่น เรารู้สึกว่าอยากสวย ปัง เน้นความเป๊ะ ดูรู้ว่าศัลยกรรมก็ไม่ว่ากัน เรื่องสุขภาพนี่มารองๆ เลย
แต่ตอนที่อายุเริ่มเยอะขึ้น มุมมองเราเปลี่ยนไป ความมั่นใจเราเพิ่มมากขึ้น เรื่องสุขภาพนี่มาอันดับต้นเลยล่ะค่ะ แต่ถ้าได้ความสวยเป๊ะด้วยก็ไม่ว่ากันนะคะ
วิธีแก้ไขที่เคยได้รับคำแนะนำมา
ก่อนจะมาที่รัสมิ์ภูมิ สกิน คลินิก นุกก็ได้หาข้อมูลและขอคำปรึกษาจากศัลยแพทย์หลายท่าน เรื่องเทคนิคการแก้ไขจมูก สรุปได้แบบนี้นะคะ
1.แก้กระดูกที่คดโดยใช้การ Reconstruct คือ ตอกส่วนที่คดให้ตรง ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องวางยาสลบค่ะ
2.ส่วนที่ทำการเสริม (Augmentation) สามารใช้ซิลิโคน หรือกระดูกซี่โครง ได้ทั้ง 2 เลยค่ะ ศัลยแพทยท์บางท่านจะแนะนำกระดูกซี่โครง เนื่องจากเคสนุกเคยมีปัญหาติดเชื้อ (สาเหตุอยู่ในรีวิวด้านล่างนะคะ)
*ผลข้างเคียงของการใช้กระดูกอ่อนซี่โครงคือ เมื่อเวลาผ่านไปสามารถเกิดการคด หรือกระดูกเปลี่ยนรูปได้ค่ะ และแน่นอนว่าต้องวางยาสลบนะคะ
3.ต้องมีการฉีดสลายและขูดฟิลเลอร์ Hyaluroic ออก ถึงแม้ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ที่สลายได้ 100%
4.ต้องทำการเลาะเอาพังผืดเก่าจากการทำจมูกครั้งก่อนออก
ขอโน้ตว่า ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ที่ฝีมือและความชำนาญการของศัลยแพทย์ การทะลุ เบี้ยว รูปทรงเปลี่ยนเมื่อเวลาผ่านไป สามารถเกิดได้กับการศัลยกรรมจมูกทุกเทคนิคค่ะ
ภาพก่อนทำ (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ประสบการณ์ทำศัลยกรรมจมูก 4 ครั้ง
ครั้งที่ 1 – เดิมๆ ธรรมชาติ (ไปนิด)
ขอเท้าความเล็กน้อยก่อนจะไปดูผลหลังแก้ครั้งที่ 4 ค่ะ
ครั้งแรกนื้ทำกับศัลยแพทย์ประสบการณ์สูง ซึ่งคุณหมอเป็นที่รู้จักในเรื่องการทำศัลยกรรมที่ดู “เป็นธรรมชาติมาก ค่ะ” คุณพอเดาได้มั้ยคะว่าทำไมนุกถึงตัดสินใจทำครั้งที่ 2 ใช่แล้วค่ะ ความพอใจที่ไม่มีลิมิตของดิชั้นเอง ข้อดีคือหน้าไม่เปลี่ยนจากเดิมมาก แต่ผลลัพธ์ยังไม่ตรงความต้องการ เป็นสาเหตุของการทำศัลยกรรมจมูกครั้งที่ 2 ค่ะ
ภาพก่อนทำ (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ครั้งที่ 2 – ได้แค่เกือบสวย
ครั้งนี้เรื่องการงาน ความต้องการ และ energy เราเปลี่ยนไปค่ะ อยากได้สวยๆ พุ่งๆ ประมาณว่าทำแล้วเกิด(ใหม่) ฮ่าๆ ครั้งนี้เอาซิลิโคนเก่าออกแล้วใส่ซิลิโคนใหม่ทันทีโดยไม่ได้พักเนื้อค่ะ เพราะคุณหมอเห็นว่าสามารถทำต่อได้เลย และมีต่อปลายจมูกด้วยกระดูกหลังหูค่ะ เราทำกับศัลยแพทย์เฉพาะทางประสบการณ์สูงปรี๊ดเช่นกัน รอบนี้โด่งสวยกำลังพอดี
แต่ สวยได้ประมาณ 1 เดือนกว่าๆ พอซิลิโคนเริ่มเข้าที่ก็เห็นได้ชัดเลยค่ะว่า เบี้ยว !! เบี้ยวชัดเจนเลยค่ะ เสียดายรูปหายไปกับ laptop เครื่องเก่า เครื่องพังและไม่ได้แบคอัพไว้ค่ะ คือมันเบี้ยวแบบเดินมาไกลๆ ก็เห็นค่ะว่าเบี้ยวเพราะว่านุกทำค่อนข้างโด่งเลย นอกจากนั้นยังมีปัญหาอื่นอีกคือ ซิลิโคนไม่แนบกับจมูก หรือที่หลายคนเรียกว่า “ซิลิโคนลอย” นั่นคือซิลิโคนสามารถขยับไปมาได้ อารมณ์เหมือนการ์ตูนเลยค่ะ เราจะขยับไปซ้าย-ขวาก็ได้ แล้วมันจะเด้งกลับมาที่เดิม ตอนนั้นเครียดมาก จมูกทั้งเบี้ยวและซิลิโคนยังขยับได้อีก เสียบุคลิกสุดๆ แล้วค่ะช่วงนี้
ปล. ในรูปเพิ่งทำตา 2 ชั้น และเสริมคางด้วยนะคะ (ยังบวมอยู่) เผื่อสงสัยว่าหน้าตาเปลี่ยนจากครั้งแรกไปเยอะจัง ^_^
ภาพก่อนทำ (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ครั้งที่ 3 – แก้จนได้เรื่อง
ครั้งนี้เป็นการทำจมูกกับคุณหมอ Cosmetic Surgeon ค่ะ คือคุณหมอที่ไม่ได้เป็นศัลยแพทย์พลาสติก (Plastic Surgeon) ที่ตัดสินใจทำกับคุณหมอเพราะนุกชอบมุมมองความสวยของเค้าค่ะ บวกกับเราไม่ได้หาข้อมูลอย่างละเอียดด้วย เลยไม่คิดว่าเคสของเราจะมีความซับซ้อนมาก พอปรึกษาคุณหมอแล้วก็ตัดสินใจแก้เอาซิลิโคนออกแล้วทำใหม่เลย (กลัวไม่สวย ใจร้อน) ไม่ได้พักจมูกอีกเช่นเคยค่ะ คราวนี้ใส่ซิลิโคนได้ความพุ่งสมใจ บวกกับเอากระดูกหลังหูออก 1 ชั้น เป็นการแก้ปัญหาจากการทำครั้งที่ 2
รอบนี้สวยได้ 1 เดือนอีกแล้วค่ะ
พอเข้าที่ก็เบี้ยวอีกแล้ว แต่คราวนี้คุณหมอใช้เทคนิคการเหลาซิลิโคนสำหรับกระดูกที่คดของเรา ความเบี้ยวเลยไม่ค่อยชัดเจนมาก รอบนี้ต้องยอมรับว่าทำให้การแต่งหน้าและถ่ายรูปออกมาดูค่อนข้างปังปุริเย่ค่ะ แต่ถ้าเจอกันตัวจริง ก็จะมีบางมุมที่เห็นซิลิโคนเป็นแท่งค่อนข้างชัดเลยล่ะค่ะ
เวลาผ่านไป 1 ปี ก็ดูเหมือนไม่มีปัญหาอะไร แต่ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ
ซิลิโคนทะลุค่ะ ! OMG !!! (เป็นการทะลุด้านในนะคะ ไปดูภาพกันค่ะ)
ภาพก่อนทำ (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
สวยแบบ Trail Version อีกแล้วอ่ะแม่ ผ่านไป 3 เดือน พอเข้าที่แล้วเห็นชัดเลยว่า เบี้ยวอีกแล้ว แต่ครั้งนี้พีคกว่า เพราะว่ามัน “ทะลุ” (ด้านใน) ด้วย !!
นุกไม่รู้เลยค่ะว่าตัวเองอยู่กับจมูกที่ทะลุมาเกือบ 1 ปี บางวันจะมีน้ำใสๆ ซึมๆ ออกมา เราคิดว่าเป็นน้ำมูก ก็ซับทิ้งไปค่ะ เวลาสัมผัสแถวบริเวณแผลที่เย็บก็จะรู้สึกว่ามีเนื้อนูนๆ ค่อนข้างแข็ง ลองหาข้อมูลจากใน internet เอง ก็สรุปเอง เออเองว่าเป็นแผลเป็นบ้าง หรือเป็นกระดูกอ่อนปลายจมูกบ้าง จริงๆ คือเกิดจากแผลที่เย็บแล้วเนื้อไม่ติดกันค่ะ เพิ่งทราบเหมือนกันว่ามันคือการทะลุแบบหนึ่ง โชคดีมากๆ ที่จมูกไม่เน่าจนเนื้อตาย แบบนั้นทำให้เราเสียโฉมได้เลยนะคะ
**ขอแทรกคำแนะนำนิดนะคะว่า ถ้ารู้สึกผิดปกติหลังการศัลยกรรมไม่ว่าจะมีอาการแบบไหนก็ตาม ควรปรึกษาหรือพบแพทย์ทันที ห้ามรอนะคะ สุขภาพร่างกายเราสำคัญที่สุดค่ะ รักตัวเองนะคะ
รูปนี้ เรียกได้ว่า เปลี่ยนชีวิตทีเดียว 55+ (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ครั้งที่ 4 – สวยก่อนล็อคดาวน์
หลังจากผ่านไป 3 ปี ใช่ค่ะ ดิชั้นหาข้อมูลอยู่ 3 ปี ! ครั้งนี้ยอมอดทนพักเนื้อ พักร่างกาย พักใจ และเงินในกระเป๋า ตั้งใจไว้ว่าการแก้ครั้งต่อไปจะต้องรู้จักร่างกายตัวเอง – คือ ต้นตอของสาเหตุที่ทำให้เราเกิดปัญหาในครั้งก่อนๆ ต้องรู้จักศัลยแพทย์เฉพาะทางที่เชี่ยวชาญเคสที่มีปัญหาแบบเรา มีแนวคิดความงามตามความต้องการของเรา และจะต้องได้รับคำอธิบายของทุกท่าน เพื่อนำมาเปรียบเทียบ ชั่งน้ำหนัก ก่อนตัดสินใจค่ะ
ข้อมูลแรกที่เราได้รับเลยนะคะ คือ ราคาสูงมาก ! 55+
ด้วยความที่เคสนุกมีความซับซ้อนอยู่แล้ว นอกจากนั้นยังทำศัลยกรรมมาหลายครั้งจนเส้นเลือดและเส้นประสาทเพี้ยนไปหมด มีพังผืด มีการติดเชื้อ และลักษณะของกระดูกที่เปลี่ยนไป รวมถึงนุกได้ฉีด HA Filler (Juvederm Voluma) เพื่อประทังความพังไว้ด้วยค่ะ เรียกว่าต้องจัดการหลายอย่าง
เพราะฉะนั้นการแก้ไขครั้งนี้เราต้องยอมรับค่ะว่ามันจะยากกว่าครั้งก่อนๆ มากแน่นอน เล่าแล้วยังรู้สึกเหนื่อยเลยค่ะ ที่ใช้เวลาในการตัดสินใจนาน อีกส่วนหนึ่งก็เพราะกลัวว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เน่า หรือเบี้ยวอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เราไม่รู้เลยว่าเราจะรอดปลอดภัยเหมือนครั้งก่อนๆ มั้ย
ดังนั้น ครั้งนี้ถ้าจะตัดสินใจทำจริงๆ เราต้องการให้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วค่ะ
ช่วงพักจมูก ทั้ง 3 ปี (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
เรียงจากซ้ายไปขวา หลังเอาซิลิโคนออก (รูปที่ 1) จะเห็นว่ามีเนื้อที่ยืดออกจากการใส่ซิลิโคนครั้งก่อนๆ แต่พอยุบบวมแล้ว เนื้อจะย่นมากกว่าปกติ จมูกอาจจะดูป้านๆ ไม่ได้รูป เวลายิ้มจะเห็นชัดว่าเนื้อจมูกหายไปเยอะมากค่ะ (รูปที่ 2) (รูป 3-4) ในช่วงนี้มีฉีด Juvederm ให้พอดูมีสันเล็กน้อย พอประทังชีวิตไปก่อนค่ะ 55+
หลังจากรอมาถึง 3 ปี ! ระหว่างนั้นก็ใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ ใบหน้าค่ะ 55 ล้อเล่นนะคะ เรื่องนี้สอนเราเรื่องการเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเองได้ดีมากค่ะ เราสามารถใช้การแต่งหน้า แต่งตัว การพูดจาเพื่อเสริมบุคลิกที่ดีให้เราได้
เราเป็นคนมั่นใจ(หรือมั่นหน้า 55)อยู่แล้วค่ะ ^_^ ติดตรงที่รู้สึกว่าจะแต่งหน้าให้ดูปังในแบบที่เราชอบค่อนข้างยาก และเวลาเรายิ้ม หัวเราะ จะเห็นเนื้อที่พังจากการทำรอบก่อนๆ เป็นเนื้อย่นๆ ตรงสันจมูก จุดนี้ล่ะค่ะเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยสบายใจ เลยอยากจะแก้ไข
แต่รอบนี้ใจเย็นมาก อารมณ์เหมือนรอเนื้อคู่ ถ้ายังไม่มีก็ทำใจ แต่ถ้าเจอคนที่ใช่ก็พร้อมแต่งค่ะ 55+
นุกได้รับคำแนะนำจากศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงหลายท่านค่ะ จนได้มาพบกับอาจารย์ศัลยแพทย์ วีรวัฒน์ ติรนันท์มงคล จากการแนะนำของรุ่นพี่ค่ะ เราหาข้อมูลแล้วพบว่าอาจารย์มีชื่อเสียงในเมืองภูเก็ต โดยเฉพาะในกลุ่มต่างชาติที่ต้องบินมาทำที่บ้านเราทีเดียว มีรีวิวใน RealSelf หรือเวบไซต์ที่เกี่ยวกับการศัลยกรรมของต่างประเทศ ถึงขั้นมีคนไข้ตั้งฉายาให้เลย สายข้อมูล + สาย ฝ อย่างเรา ก็รู้สึกสนใจมากๆ ค่ะ
ตั้งแต่ช่วงปรึกษาเลย รู้สึกแตกต่างมากค่ะ นุกยังไม่เคยได้รับการอธิบายแบบลงลึก ละเอียด และสมเหตุสมผลแบบนี้มาก่อน คุณหมอยังบอกข้อจำกัดและความเสี่ยงที่น่าจะเกิดขึ้นได้จากลักษณะความพังจากครั้งก่อนๆ รวมถึงเนื้อที่ยืดได้ไม่เยอะ และรูปหน้าของเราที่ไม่ค่อยสมดุลนักค่ะ
คุณหมอได้ให้ทางเลือกและให้เราเห็นภาพว่าผลลัพธ์จะออกมาเป็นแบบไหน เราเอารูปจมูกของดาราที่อยากได้ไปให้คุณหมอดูด้วยค่ะ
คุณหมอก็แจ้งว่าแบบไหนได้หรือไม่ได้อย่างไร เพราะอะไร แบบไหนจะเข้ากับรูปหน้าและความต้องการตามสไตล์ของเรา เรียกว่าไม่ใช่แค่เข้าใจกายวิภาคแต่เข้าใจไปถึงความคิดของเราเลยค่ะ (Not Only Physical but Mental Level) ประทับใจมากค่ะ หลังจากได้พูดคุยกับคุณหมอก็ยิ่งมันใจขึ้นไปอีก เราคิดว่าคุณหมอเข้าใจความต้องการของเราที่สุดแล้วค่ะ ก็เลยไม่ลังเลที่จะตัดสินใจแก้ไขจมูกกับที่นี่ค่ะ
ประสบการณ์ทำศัลยกรรมจมูก 4 ครั้ง
มาถึงวันขึ้นเขียง นุกขอสรุปขั้นตอนเป็นข้อๆ เลยนะคะ
ขั้นตอน
1.กรอกข้อมูล ประวัติส่วนตัว
2.มีการปรึกษาคุณหมอ 3 รอบ รวมวันที่ทำค่ะ คุณหมอละเอียดมากกกก สัมผัสได้ถึงความแตกต่างค่ะ
3.ทำความสะอาดและเปลี่ยนชุดผ่าตัด (คลินิกเน้นความสะอาดและการสเตอไรล์ หรือการปลอดเชื้อมากกกก ค่ะ ประทับใจมาก)
4.หลังจากนั้นก็เริ่มเลยค่ะ ใช้เวลาไปทั้งหมด 2 ชั่วโมง
ครั้งนี้ทำอะไรบ้าง ?
1.เสริมด้วยเทคนิคการเหลาซิลิโคนของคุณหมอค่ะ
คุณหมอไม่แนะนำการ Reconstruct หรือตอกกระดูกจมูก เพราะจริงๆ ไม่ได้คดมากขนาดนั้น คุณหมอสามารถใช้การตะไบฮัมพ์ และบริเวณกระดูกด้านข้างที่ปูดออกมาเพื่อให้ผิวกระดูกมีความเรียบมากขึ้น จากนั้นจะใช้เทคนิคการเหลาซิลิโคนให้ลงล็อคกับความเบี้ยวของกระดูกพอดีค่ะ เนื่องจากเป็นเคสที่มีความเสี่ยงต่อการเบี้ยวสูง คุณหมอใช้วิธีวางซิลิโคนใต้เยื่อหุ้มกระดูก วิธีที่จะไม่ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนตัวค่ะ
2.รื้อกระดูกหลังหูชิ้นเก่า
จากการผ่าตัดครั้งที่แล้วออก เพราะมีปัญหาคือคุณหมอท่านที่ 2 วางมาเบี้ยวค่ะ (โชคไม่ดีเลยเนอะ)
3.แล้วใส่กระดูหลังหูชิ้นใหม่
ที่จะทำให้ปลายจมูกสูงขึ้น และต่อให้มีความยาวขึ้นเล็กน้อย เป็นการสร้างปลายจมูกหยดน้ำที่แท้จริงค่า ข้อนี้เราแอบแซวคุณหมอว่าขอเป็นรอบสุดท้ายแล้วนะคะ เพราะไม่มีหูให้ผ่าแล้วค่ะ 55+
*การผ่าตัดใช้การฉีดยาชาเฉพาะจุด (Local Anesthesia) การผ่าตัดเล็กไม่จำเป็นต้องวางยาสลบนะคะ และใช้เทคนิค Close Rhinoplasty หรือการศัลยกรรมจมูกแบบปิดค่ะ
เรื่องความคาดหวัง
ด้วยความที่เราเคยชินกับหน้าก่อนทำจมูกครั้งล่าสุดมา 2-3 ปีแล้ว เราได้เสริมสร้างความเชื่อใหม่ๆ และความมั่นใจให้ตัวเอง เปลี่ยนการแต่งหน้าจนเราชินไปเรียบร้อย 55+ จึงไม่ได้คาดหวังเรื่องการเปลี่ยนแปลงมากค่ะ เพียงอยากให้ดูดีขึ้น เนื้อจมูกดูปกติ หน้าดูเท่ากันทั้งสองข้าง รูปทรงรับกับหน้าเรา ที่สำคัญไม่ทำให้หน้าเราเปลี่ยนไปจนเป็นคนละคน เท่านี้ก็คิดว่าพอใจแล้วค่ะ
อยากดูผลที่ออกมาแล้วใช่มั้ยคะ ไปค่ะ 55+
ภาพบรรยากาศหลังการศัลยกรรมแก้ไขจมูกทันที (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ผลลัพธ์หลังทำศัลยกรรมแก้ไขจมูก ครั้งที่ 4
ภาพหลังทำ (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพวันเดียวกันหลังทำ
ผลลัพธ์ไฟนอลหลังเข้าที่แล้ว(ประมาณ 3-6 เดือน)ก็จะประมาณนี้ และตรงสันจมูกจะยุบลงกว่านี้ค่ะ
วันที่ 2 – 3 บวมมากขึ้น
โดยหลังทำวันที่ 3 นี้จะบวมเยอะสุดค่ะ ในรูปดูเหมือนบวมไม่เยอะ เทคนิคเราคือ นั่งหลับค่ะ 55+ อย่าถือว่าเป็นคำแนะนำเลยนะคะ ฮ่าๆ อาจจะสัปหงกหรือนอนหลับไม่สนิทได้ค่ะ แต่ถ้าอยากใช้วิธีนี้จริงๆ แนะนำให้เตรียมหมอนและเตียงของคุณให้พร้อมกับการนั่งหลับค่ะ ข้อดีก็คือหน้าจะไม่บวมมาก ใช้ชีวิตง่ายขึ้น และรู้สึกสบายตัวค่ะ
ใน 2 วันนี้นุกรู้สึกปวดตุบๆ ที่จมูกอยู่บ้าง ใช้การทานยาพาราฯ ระงับปวดแล้วก็ดีขึ้นค่ะ
ภาพหลังทำ 2 วัน (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพหลังทำวันที่ 2 ภาพนี้ถ่ายหลังตื่นนอนพอดีเลยดูบวมๆ ไม่ค่อยเป็นทรงเท่าไหร่ค่ะ
ภาพหลังทำ 3 วัน (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพหลังทำวันที่ 3 วันนี้เป็นวันที่บวมที่สุด นุกประคบเย็นทั้งวันเลยค่ะ ภาพนี้ถ่ายหลังประคบเย็นแล้วเลยดูไม่บวมมากค่ะ
ภาพหลังทำ 4 – 5 วัน (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพหลังทำ 1 สัปดาห์ (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพหลังทำ 1 สัปดาห์ ยุบบวมมากแล้วค่ะ เริ่มออกมาใช้ชีวิตตามปกติ รู้สึกตึงๆ ตรงปลายจมูก
ภาพหลังทำ 4 สัปดาห์ (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพหลังทำ 4 สัปดาห์ ดูปกติแล้วค่ะ ที่สำคัญ เห็นได้ชัดเลยว่า ไม่เบี้ยวแน่นอน และยังทำให้หน้าเราดูสมมาตรยิ่งขึ้น ดูสมส่วนรับกันแม้ในส่วนหน้าผากที่เคยดูสั้น และช่วงคางที่เคยดูยาวจนเกินไป รักคุณหมอมากกกกค่ะ
ภาพหลังทำ 3 – 4 เดือน (รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
ภาพหลังทำ 3 – 4 เดือน เข้าที่แล้ว มั่นใจมากขึ้นเยอะค่ะ รู้สึกว่าทรงจมูกเข้ากับหน้ามากกกก ดูเป็นส่วนหนึ่งของหน้าไปแล้ว เวลาแต่งหน้าก็อาจจะใช้ Hilight เล็กน้อย แต่ทั้งนี้ดูไม่หลอกตา และเข้ากับหน้าส่วนอื่นๆ โดยยังไม่ได้ไปทำอะไรเพิ่มมาอีกค่ะ
รีวิวศัลยกรรมแก้ไขจมูก (คุณนุก สาวิตรี ราชภักดี)
ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การเปลี่ยนแปลงที่ได้รับหลังศัลยกรรมแก้ไขจมูก “ความรู้สึกและผลลัพธ์ที่ได้ ยิ่งกว่าที่คาดหวังค่ะ”
เรารอการแก้ไขจมูกครั้งนี้มานานมาก หาข้อมูลมาหลายปี ปรึกษาคุณหมอหลายท่าน และมูฯมาหลายที่ค่ะ 55 เพราะต้องการให้ทำแล้วได้ตามที่เราต้องการจริงๆ ปลอดภัย แก้ปัญหาของเราจริง และที่สำคัญ “จบ” เพื่อให้เป็นการแก้จมูกครั้งสุดท้ายของเราค่ะ
• ประทับใจตั้งแต่เดินเข้ามาที่คลินิกแล้วค่ะ สะอาด ดูหรูหรา แต่ให้ความเป็นกันเอง นุกเองพอมีประสบการณ์เกี่ยวกับการแพทย์ด้านความงามมาจากการทำงานค่ะ(งานด้านการตลาด) เราสังเกตได้ว่าที่นี่จะเน้นเรื่องมาตรฐานตั้งแต่การกรอกข้อมูลส่วนตัว ไปจนถึงการพบแพทย์ เราจะได้รับการอธิบายอย่างละเอียดจากคุณหมอโดยตรง เข้ามาแล้วสบายใจ นั่งรอสบายๆ ค่ะ
• ขั้นตอนการปรึกษา ยิ่งทำให้ประทับใจขึ้นไปอีกค่ะ เพราะอย่างที่เล่าค่ะ เราพูดได้เลยว่า “แตกต่าง” จริงๆ
• ช่วงระหว่างทำแทบไม่รู้สึกเจ็บ เราเตรียมใจมาแล้วว่าเป็นเคสแก้ยาก น่าจะใช้เวลานานและเจ็บมากแต่ระหว่างทำเราชิลมากค่ะ เรารู้มาว่าเทคนิคการฉีดยาชาของคุณหมอก็ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญด้วย (ว่าจะสามารถบล็อกเส้นประสาทได้ดี โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มยาชาในช่วงที่ผ่าตัดหรือไม่ เพราะการฉีดยาชาเยอะๆ ก็มีผลต่อความบวมค่ะ) ในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. นุกเริ่มรู้สึกเจ็บตอนไกล้ทำเสร็จเท่านั้นค่ะ
• ยุบเร็วมากจริงๆ 3-4 วันแรก ก็เริ่มออกมาใช้ชีวิตและทำงานได้ตามปกติแล้วค่ะ ส่วนบริเวณปลายจมูกรู้สึกตึงๆ อยู่ประมาณ 2-3 สัปดาห์ค่ะ
สำหรับเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ จากคุณหมอที่ช่วยให้ยุบบวมเร็ว ก็คือการประคบเย็นหลังทำ 42 ชั่วโมง และประคบอุ่นอย่างเคร่งครัด ในวันที่ 2-3 เพื่อให้เลือดไหวเวียนได้ดีขึ้น และของเสียถูกขับออกมาง่ายขึ้น ไม่คั่งค้างเป็นก้อนอยู่ใต้ผิวค่ะ
สุดท้าย ขอขอบคุณมากๆ ที่ติดตามนะคะ อาจมีตกหล่นบ้าง นุกพยายามให้ข้อมูลให้มากที่สุดโดยไม่เวิ่นเว้อจนเกินไปค่ะ หากใครมีคำถาม สามารถส่ง Inbox เข้ามาทางแฟนเพจ : Rassapoom Clinic นุกจะพยายามนำรูปอัพเดทมาลงทางแฟนเพจและเวบไซต์ของคลินิกนะคะ ขอบคุณทุกคนมากค่ะ
ขอขอบคุณที่ติดตามนะคะ
Sawitree Ratchapakdee